December 2018 saw marijuana being approved by the Thai government for medicinal research and use – the first ever legalization of this drug in part of the world that has some incredibly strict drug laws.
Thailand’s junta-appointed parliament passed a vote to make amendments to the 1979 Narcotic Act during an additional parliamentary session which was held in order to handle a number of rushed bills before commencing the New Year holiday.
In Thailand, marijuana was regularly used to treat fatigue and pain until a change of law in the 1930s. This latest change has been presented as being a gift for the New Year to the people of Thailand from the country’s National Legislative Assembly. Yet, while medicinal use of cannabis will now be legal, recreational use of the drug will still be outlawed.
A Region Of Harsh Drug Laws
The South East Asian region is known to have among the toughest penalties in the world for possessing or using drugs. Despite the fact that marijuana was once used as a form of traditional medicine in Thailand, these draconian laws have persevered since the 1930s until now, as Thailand becomes the region’s first nation to permit the use of medical marijuana.
Although many countries around the globe including Canada and Colombia have now made medicinal marijuana legal (and some have even legalized its usage for recreational purposes), in the majority of South East Asia, the drug is still taboo and illegal. Those who break the law in this respect face some severe punishments.
A Controlled Licensing Process And Specified Limits
With the change in the law, consumers will not be permitted to carry a specified amount of cannabis for medical purposes, so long as they are in possession of a recognized certificate or medical prescription. There will also be a strictly controlled licensing process for producing and selling medicinal cannabis products. This new law doesn’t only apply to marijuana – it also applies to another Southeast Asian plant known as Kratom which is a known stimulant.
In Thailand, however, there is one primary controversy when it comes to legalization of medicinal cannabis. This involves patent requests from foreign companies which could potentially enable them to come to dominate the Thai marketplace, making it extremely difficult for those Thai patients in need of medicinal marijuana to access the necessary products and for researchers in Thailand to gain access to the marijuana extracts they need. The Rangsit Institute of Intergrative Medicine and Anti-Aging have now put forward their demands that the Thai government revoke all requests from foreign companies before the new law is able to take effect.
Could Recreational Legalization Be On The Way?
For some Thai activists, this change in the law represents a step forward towards legalization of recreational cannabis use. Whatever the future outcome of the change in legislation, it is clear that, for the people of Thailand, to be allowed to access once more a traditional and medicinal herb which their population had been using responsibly for generations to treat fatigue, pain and other conditions is a winning situation. Those Thai citizens who are in most need of medicinal cannabis treatments can now access them.
การซื้อเมล็ดกัญชาในประเทศไทย
ประเทศไทยอนุมัติการใช้กัญชาสำหรับใช้ทางการแพทย์
เมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ.2561ที่ผ่านมา เห็นได้ว่าประเทศไทยได้มีการอนุมัติให้ใช้กัญชาในด้านงานวิจัยและใช้ทางการแพทย์ ซึ่งเป็นการใช้อย่างถูกต้องตามกฎหมายเป็นครั้งแรก โดยเฉพาะในประเทศที่มีกฎหมายการควบคุมยาในระดับเข้มงวดนี้
รัฐบาลไทยได้ผ่านการลงมติแก้ไขพระราชบัญญัติยาเสพติด พ.ศ.2522 ในระหว่างการประชุมสภาเพิ่มเติม เพื่อให้มีข้อกำหนดบังคับใช้ก่อนเข้าปีใหม่ พ.ศ.2562
ในประเทศไทย กัญชาถูกใช้เฉพาะในสถานพยาบาลเพื่อรักษาอาการเจ็บปวดขั้นรุนแรง ซึ่งอนุญาตโดยแพทย์เท่านั้น จนกระทั่งไม่นานที่ผ่านมา การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในประเทศไทย ที่จะทำให้กัญชาได้รับการยอมรับมากขึ้น ซึ่งถือได้ว่าเป็นข่าวดีของประเทศไทย แต่อย่างไรก็ตาม การใช้กัญชาด้วยเหตุผลส่วนตัวหรือเพื่อจุดประสงค์อื่นที่ไม่ใช่การรักษาทางการแพทย์ ยังถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดกฏหมาย
ภูมิภาคที่มีกฎหมายปราบปรามยาเสพติดที่เข้มงวด
ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นที่ทราบกันดีว่ามีบทลงโทษที่รุนแรงที่สุดในโลกสำหรับการครอบครองหรือใช้ยาเสพติด แม้ว่าครั้งหนึ่งในประเทศไทยกัญชาเคยถูกแปรรูปในลักษณะยาแผนโบราณในปีพ.ศ.2473 จนกระทั่งปัจจุบันนี้ประเทศไทยเป็นประเทศแรกในภูมิภาคที่อนุญาติให้ใช้กัญชาในด้านการแพทย์
แม้ว่าในหลายๆประเทศรวมถึงประเทศแคนาดาและประเทศโคลัมเบีย ได้ทำกฎหมายอนุญาตให้ใช้กัญชาในด้านการแพทย์ (บางประเทศก็ใช้กฎหมายเพื่อวัตถุประสงค์ด้านนันทนาการอื่นๆ) แต่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ส่วนใหญ่ กัญชายังคงเป็นข้อห้ามและผิดกฎหมาย และผู้ที่ฝ่าฝืนจะเผชิญกับบทลงโทษที่รุนแรง
ขั้นตอนการออกใบอนุญาต ข้อควบคุม และปริมาณที่กำหนด
ในการเปลี่ยนแปลงกฎหมายข้อนี้ ผู้บริโภคจะไม่มีการได้รับอนุญาตให้พกพากัญชาไม่ว่าจะขนาดเท่าใดก็ตมาม แม้ว่าจะใช้ในทางการแพทย์ เว้นเสียแต่ว่ามีใบรับรองตามกฎหมายหรือใบสั่งยาจากแพทย์ นอกจากนี้ขั้นตอนการออกใบอนุญาตหรือใบรับรอง จะมีการเข้มงวดเป็นพิเศษ ทั้งในด้านการผลิตและในด้านการจัดจำหน่าย กฎหมายใหม่นี้ ไม่เพียงแต่จะอนุมัติให้ใช้แต่กัญชาเท่านั้น แต่ยังใช้กับพืชชนิดอื่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่รู้จักกันคือ “กระท่อม” ซึ่งเป็นยากระตุ้นที่รู้จักกันดีนั่นเอง
แต่อย่างไรก็ตามในประเทสไทย ยังมีข้อถกเถียงหลักอยู่ประการหนึ่งคือ การทำให้กัญชาถูกกฎหมายนั้น เกี่ยวข้องโดยตรงกับการขอสิทธิบัตรจากบริษัทต่างๆ ในต่างประเทศ ซึ่งอาจทำให้บริษัทเหล่านั้นเข้ามาในประเทศไทยได้ยาก ซึ่งดูเป็นปัญหาสำหรับผู้ป่วยชาวไทยที่จะต้องประสบปัญหาการเข้าถึงยาหากจำเป็น พวกเขาต้องการให้สถาบันเวชศาสตร์ยื่นข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลไทยเพื่อให้เพิกถอนการร้องขอทั้งหมดจากบริษัทต่างประเทศ ก่อนที่กฎหมายจะมีผลบังคับใช้
การออกกฎหมายสำหรับการใช้กัญชาในวัตถุประสงค์อื่นที่ไม่ใช่ทางการแพทย์อาจจะเป็นไปได้หรือไม่?
สำหรับนักเคลื่อนไหวชาวไทยบางท่าน การเปลี่ยนแปลงกฎหมายนี้แสดงให้เห็นถึงความคืบหน้าไปอีกขั้นสำหรับการใช้กัญชาในด้านอื่นๆอย่างถูกกฏหมายในอนาคต ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรในด้านกฎหมายในวันข้างหน้า แต่ก็ชัดเจนแล้วในตอนนี้สำหรับคนไทย ที่จะอนุญาตให้เข้าถึงพืชสมุนไพร ซึ่งคนจำนวนไม่น้อยที่มีความรู้ในการใช้สิ่งเหล่านี้อย่างถูกต้องในการรักษาโรคต่างๆ ซึ่งในที่สุดคนไทยสามารถเข้าถึงกัญชาในการรักษาโรคได้แล้ว
Find here a selection of cannabis seeds for high CBD strains